หน้าเว็บ

21 มกราคม 2554

ความรู้สึกแบบ “ถูกปัสสาวะรดที่หัวใจ”

คุณคงเคยถูกหยามศักดิ์ศรี และเมื่อคุณปกป้องศักดิ์ศรีของคุณด้วยการเตือนให้รู้ว่าคุณกำลังถูกหยาม ศักดิ์ศรี สิ่งที่คุณได้รับแทนที่จะเป็นการขอโทษ กลับกลายเป็นการกล่าวโทษคุณซ้ำมาอีกว่าคุณคิดไปเอง คิดลบไปเอง เขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย พร้อมกับสายตาเหยียดหยามเอาเรื่อง มันช่างเหมือนกับว่าเขาอัดคุณให้ล้มกลิ้งลงไปก่อน แล้วยังยืนคร่อมปัสสาวะรดคุณที่หัวใจขณะที่คุณที่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมา (“ปัสสาวะรดที่หัวใจ” นี่ จำไม่ได้ว่านักเขียนท่านใดเคยใช้สำนวนนี้)



ผมก็เคยเจอแบบนี้บ่อยมาก จากการกระทำบางอย่าง คำพูดบางคำ กิริยาบางอาการที่ทำให้รู้สึกว่าถูกเหยียดหยามซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นลูก ผู้ชายชื่อไอ้เรือง จึงเตือนสติให้เขารู้ (และบางครั้งก็เจือด้วยอารมณ์ออกไป) สิ่งได้รับกลับมายิ่งร้ายหนักเข้าไปอีก แต่เราไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีกแล้ว เพราะเรารู้ลิมิตของเราว่า ถ้าหากโต้ตอบไปอีกครั้งมันจะรุนแรงถึงตายกันไปข้างหนึ่ง และอาจเป็นเพราะว่าเราต้องรู้จักที่ต่ำที่สูง หรือเพราะเขามีตำแหน่งเหนือเรา และ/หรือ ที่สำคัญ เราได้ปาวราณาตัวไว้แล้วว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง จะใช้แต่ปัญญา ถ้าหากยังไม่มีปัญญาเราจะถอยออกมาก่อน ทำให้เราต้องหยุดและกลับมาเจ็บแปล็บที่หัวใจ
หลังจากนั้น สิ่งที่เราคิดและทำคืออะไร?
เจ็บแค้น เป็นทุกข์ คับข้องใจ คิดไม่ตก กระวนกระวาย หายใจไม่ออก นอนไม่หลับ เครียด (แล้วก็กินเหล้า) ฯลฯ หรือ
ปล่อยมันไป อย่าไปเข้าใกล้เจ้าหมอนี่อีกก็แล้วกันเพราะเขา (มัน) เลว... จริงๆ (มีคำบางคำที่บางคนอาจรู้สึกว่าหยาบคาย เช่น ระยำ อัปรีย์สีกบาล จัญไร ฯลฯ ซึ่งไม่สามารถเขียนต่อเป็นประโยคได้ดั่งใจ ขออภัย) หรือ
กลับมาพิจารณาว่าเราพลาดอะไรไปตรงไหน วิธีการที่เราทำไปนั้นถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ครั้งหน้าเราจะทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
มันก็เป็นการทดสอบสภาวะจิตที่ดีนะว่าเรามีสติรู้เท่าทันอารมณ์ได้มากน้อย แค่ไหน เมื่อยังเด็ก ผมจำได้ว่าผมเก็บตัวแค้นเคืองอาฆาตพยาบาทอยู่นานเลยแหละ แล้วคุณล่ะได้พัฒนาถึงขั้นไหนแล้ว มีวิธีการที่ดีไหม เล่าให้ฟังบ้างซิ
แต่เพราะนั่นเขาเหนือกว่าเรา ก็ได้แต่ทำใจและก็พยายามทำบุญให้มากเพื่อจะได้หมดเวรหมดกรรม แตถ้าคนผู้นั้นเป็นลูกน้องเรา เป็นคนที่เราต้องรับผิดชอบ หรือคิดไปเองว่าเราต้องรับผิดชอบ เราจะทำฉันใด
เคยมีลูกน้องบางคนที่ทำตัวหยาบคายโดยที่เขาไม่รู้ตัว เนื่องมาจากผมให้เขารวบรวมข้อมูลทำรายงานมาให้ผม แต่ไม่ได้อย่างใจ การวิเคราะห์ข้อมูลไม่มีแสดงหลักฐานและแสดงแนวโน้ม ก็ขอให้เขากลับไปแก้ไขทำมาให้ใหม่ สิ่งที่เขาทำก็คือบอกว่าไม่มีเวลา และก็เคยทำอย่างนี้ให้นายคนเก่ามาตลอดไม่เห็นจะเรื่องมากขนาดนี้ แม้ว่าจะโอ้โลมปฏิโลมอย่างไร เขาก็ไม่ยอมแก้ไขท่าเดียว  เมื่อถูกต่อว่า (ทั้งที่เขาไม่ได้คิดว่าเขาว่าเรา) ด้วยเลือดลมที่ระอุครุกลุ่นก็เลยบอกเขาไปเห็นท่าคุณจะต้องกลับไปทำรายงานให้ แล้วเพราะฉบับนี้มันขาดไปแล้ว แล้วผมก็ค่อยๆ ฉีกมันต่อหน้าเขาด้วยใบหน้ายิ้มๆ ของผม (ทำเป็นยิ้มเหมือนไม่มีอะไร แต่ในใจอยากจะตบมันสักเปรี้ยง)
จากนั้นก็กลับมาคิดว่า เราจะพัฒนาเขาผู้นี้อย่างไรดี ด้วยเวลา และกมลสันดานของเขา อาจต้องใช้เวลาทั้งชาติ แต่เราไม่ได้มีลูกน้องคนเดียว เราจะทำอย่างไร
สุดท้ายก็ตัดใจไม่คิดมาก ก็ทำไปเท่าที่เวลาและทรัพยากรจะมีให้ แต่จะไม่ปล่อยปละละเว้นเด็ดขาด จะได้ผลหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา เพียงลงมือทำก็พอ ทำแล้วไม่ได้ผลก็ทำด้วยวิธีใหม่ๆ ต่อไป แต่ก็ไม่ได้ทุ่มเทไปที่เขาคนเดียว ยังมีคนอื่นๆ ที่สามารถพัฒนาได้ง่ายกว่า พร้อมที่จะพัฒนามากกว่า เราก็ทำไปตลอดเวลาที่มีปฏิสัมพันธ์กัน แต่ว่าในใจลึกๆ ก็กังวลว่าเขาจะเกลียดเราไหม แล้วก็ให้นึกถึงคำกลอนคำคมอันหนึ่งขึ้นมา (จำไม่ได้แล้วว่าเป็นของใคร)
ใครชอบใครชังช่างเถิด ใครเชิดใครแช่งช่างเขา ใครเบื่อใครบ่นทนเอา ใจเราร่มเย็นเป็นพอ
สุดท้าย! นั่นเป็นสิ่งที่เราถูกกระทำ แต่ว่า เราเคยปัสสาวะรดหัวใจคนอื่นบ้างหรือไม่?

ไม่มีความคิดเห็น: