หน้าเว็บ

16 มกราคม 2554

คิดลบก็มีข้อดีนะ !!

หากต้องการความสำเร็จในชีวิต จะต้องขุดรากถอนโคนวัชพืชแห่งความคิดแง่ลบให้สิ้นซาก แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จ หรือความคิดบวกลงไปแทนที่ (จุดไฟปัญญาให้โชติช่วง - จังซีเหา)
ต้องกำจัดความคิดลบออกไปหมดเลยเหรอ!! ความคิดลบทที่ว่านึ้คืออะไร?


ในกรณีที่คิดบวก คิดถึงผลสำเร็จที่ต้องการ เชื่อมั่นว่าจะบรรลุผลได้จริงๆ แต่การคิดถึงแง่มุมต่างๆ ที่อาจเกิดปัญหาเพื่อที่จะหาทางป้องกัน หรือเตรียมมาตรการรองรับเนี่ยะ ถือว่าเป็นความคิดลบหรือเปล่า? นี่จะคิดมากไปหรือเปล่า?

หากไม่คิดถึงผลด้านลบที่อาจจะเกิดขึ้นเลย มันก็เกินไปนะ
อย่าคิดมากเลย เปลี่ยนใช้คำใหม่ดีไหม ไม่ใช้คำว่า “ผลด้านลบ” ใช้คำว่า “เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน” เลี่ยงๆ คำว่าลบ ได้ไหม เพราะในด้านการวางแผนงานทั่วไปนั้นเราต้องคำนึงถึงผลลบผลเสียหรือเหตุการณ์ ไม่พึงปรารถนาที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นตามเหตุตามผล เพียงแต่ว่า หากคิดถึงมันแล้วทำให้เกิดความเกิดท้อแท้หมดหวังแล้วเลิก อย่างนี้เป็นเรื่องคิดลบแน่นอน เอาผลด้านลบมาปิดกั้นหนทางทุกอย่าง
คนคิดบวกบอกว่าทุกปัญหามีทางออก คนคิดลบกลับบอกว่าทุกทางออกมีปัญหา ก็เลยไม่คิดจะออกไปทางไหนเลย เลิกฝันไปซะงั้น
ฉะนั้น “ต้องขุดรากถอนโคนวัชพืชแห่งความคิดแง่ลบให้สิ้นซาก” นี้จึงน่าจะหมายถึงการคิดในแง่ของปัญหา ความยากลำบากที่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น แล้วคิดบวกต่อไปถึงถึงแนวทางป้องกัน แก้ไข มาตรการรองรับ เพราะเป็นธรรมชาติจริงแท้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ในเชิงเศรษฐศาสตร์ก็บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาก็ต้องมีการแลกเปลี่ยน พร้อมไหมที่จะแลก
หากอะไรต่อมิอะไรมันได้กันง่ายๆ คงได้กันหมดแล้ว (มีผลกรรมเก่าด้วยไหม) เฉกเช่นการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่ ไม่งั้นทุกคนคงเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จกันหมดแล้ว แล้วเมื่อไรเราจะแหวกออกมาจากความเป็นผู้นำธรรมดาๆ มาเป็นผู้นำแห่งสำเร็จ เราจะต้องแลกกับอะไรบ้าง คิดบวกเพียวๆ ไม่พอนะ คิดเชิงไม่บวกบ้างเพื่อการลงทุนที่เหมาะสมคุ้มค่า

ไม่มีความคิดเห็น: