หน้าเว็บ

13 ตุลาคม 2553

หลักการที่เป็นหนึ่งเดียว

ไปได้หนังสือมาหลายเล่ม (ซื้อน่ะครับ) แล้วก็แปลกใจว่าเราพลาดไปได้ไงกับหนังสือแนวนี้ โดยเฉพาะเล่มหนึ่งซึ่งมีชื่อเรื่องว่า “จับจุดเจ้านาย” โดยพลชัย เพชรปลอด ของสำนักพิมพ์บริษัท สมาร์ท ทู เวิร์ค จำกัด ซึ่งพิมพ์มาตั้งแต่มีนาคม 2551
อ่านไปแล้วรู้สึกคุ้นๆ ค้นดูของเก่าที่มีอยู่ มันก็คือ “น่าเบื่อจะตายเจ้านายผม” ของสยามอินเตอร์บุค ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 เมื่อตุลาคม 2545 ซึ่งเป็นของผู้เขียนคนเดียวกัน แต่ต่างชื่อต่างสำนักพิมพ์ และต่างลำดับเรื่องราว

ก็เจ็บในใจเล็กๆ ที่ซื้อหนังสือซ้ำ (ความจริงเป็นบ่อย) แต่เมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องอ่านให้คุ้มค่า แม้ว่าจะเคยอ่านไปแล้ว
แต่พี่น้องครับ! เป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่า แม้จะอ่านไปแล้ว เมื่อมาอ่านใหม่ ความเข้าใจ อินกับเรื่อง อารมณ์ มันแตกต่างไปครับ อ่านไปแล้วก็เกิดเมามันจนจบคามือไปเลย
ความจริงแล้วคุณพลชัย เพชรปลอดนี้ เคยเป็นลูกน้องคนหนึ่งของคุณสุจินต์ จันทร์นวล (ใครเอ่ย?) และในเล่มนี้ก็มีเรื่องเกี่ยวกับคุณสุจินต์ จันทร์นวล ด้วย ลองไปอ่านดูแล้วพิจารณาว่าตอนไหน หนังสือเล่มนี้อ่านมันจริงๆ ครับ ได้เกล็ดการบริหารที่ดีมากๆ โดยเฉพาะในตอนท้ายของแต่ละเรื่องจะมีสรุปความเกี่ยวกับการบริหารไว้อย่างดี ใครที่อ่านหนังสือเชิงวิชาการแล้วหลับง่ายๆ ลองมาอ่านแบบนี้ดู ไม่หลับแน่นอนครับ
ขอยกส่วนที่ประทับใจมาเผยแพร่นะครับ
“สำหรับนายและผม เรามีแนวปฏิบัติที่เหมือนกันอยู่ย่างหนึ่งคือ ถ้าเราไม่เห็นด้วยกับคำสั่ง เราจะหาเหตุผลมาอธิบายแนวคิดที่เราเชื่อว่าดีกว่า และมีทางเลือกให้มากกว่า 1 ทางเลือกเสมอ แต่ถ้าหากคำสั่งถูกยืนยัน เราถือว่า นั่นคือนโยบายที่ต้องปฏิบัติตาม โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เพราะเราได้ทำหน้าที่เสนอความคิดแล้ว ส่วนสิทธิ์และหน้าที่ในการตัดสินใจ เราต้องยกให้เป็นของผู้บังคับบัญชา”
“...การวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นในสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องง่าย แต่เราต้องบอกเขาได้ว่าสิ่งที่ดีกว่านั้นคืออะไร ต้องทำอย่างไร ถ้าเราไม่สามารถบอกได้ เราก็ควรหุบปากไว้เฉยๆ จนกว่าจะนึกออก”
อยากยกมามากกว่านี้ แต่ดูจะไม่เหมาะ (และอย่าได้สงสัยว่าผมได้เปอร์เซ็นต์จากยอดขายหรือเปล่า – เปล่าครับ)
ประเด็นที่จะเสวนาวันนี้คือว่า เมื่ออ่านไปๆ แล้วให้เกิดสงสัยว่าหลักการต่างๆ ที่คุณพลชัยยกมาเล่าแบบมันๆ นี้ มันช่างเหมือนหลักการที่ตัวเรายึดถือปฏิบัติเสียนี่กระไร สงสัยไม่หยุดยั้งว่า เราได้รับอิทธิพลจากเขา หรือเรามีตัวตนของเราแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร มันก็เป็นหลักการที่นำมาใช้แล้วทำให้ประสบความสำเร็จจริงๆ ผมจึงสรุปว่า ไม่เห็นจะเป็นไรเลยที่เขาอาจเป็นต้นแบบที่เราอาจอ่านแล้วตกตะกอนลงในจิตใต้ สำนึก หรือเราพัฒนาตนเองจนสอดคล้องกับหลักการอันนี้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือมันใช้ได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์
ย้อนกลับไปพิจารณาเส้นทางเดินในชีวิตลูกจ้างที่ผ่านมา ก็แค้นใจอยู่บ้างที่ไม่มีใครคอยสอนแนะนำแนวทางการบริหารที่ถูกต้องตามหลัก การ (ที่เป็นหนึ่งเดียว) มีแต่คนคอยด่าคอยซ้ำเติม คอยตัดสิน แต่ไม่สอน โชคดีที่ชีวิตผมเป็นคนที่นอนหลับยาก ต้องอ่านหนังสือซักชั่วโมงก่อนแล้วจึงจะหลับ ทำให้ได้อ่านหนังสือมากมาย และที่สำคัญคืออะไรที่อ่านไปแล้วพิจารณาว่าดีมันจะตกตะกอนลงไปในจิตใต้สำนึก เกิดเป็นกรอบความคิดใหม่ ทำให้การปฏิบัติตัวเปลี่ยนแปลงไปจากคนที่เป็นจอมบู้ดุเดือดเลือดพล่าน กลายเป็นคนสุขุมนุ่มลึกขึ้น
เอาละ ไหนๆ ก็ไหนแล้ว ขอนินทาเพื่อนสักคน เพื่อนคนนี้เป็นนักอ่านตัวยงคนหนึ่ง แต่เขาจะอวดตนว่าเป็นนักอ่าน ช่างพูดช่างคุย แต่เรื่องของตน เพื่อแสดงว่าตนนั้นฉลาด เป็นหนอนหนังสือ ซึ่งผมแปลกใจมาตลอดว่า มันอ่านหนังสืออะไรของมัน สิ่งดีๆ ในหนังสือที่มันอ่านไม่มีเลยหรือไง มันถึงได้ยังคงทำตัวทุเรศอย่างนั้น สิ่งที่อ่านๆ ไปไม่ได้ทำให้เปลี่ยนไปในทางที่ดีมีบุคลิกภาพที่น่านับถือเลย กลายเป็นพวกติ้งต๊องในสายตาคนอื่น น่าสงสารจริงๆ
ที่ต้องนินทาเพื่อนแบบนี้ ก็เพราะเป็นห่วงเราๆ ท่านๆ ว่าอ่านแล้วได้อะไร

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

อ่านเพลินดีครับ จะติดตามผลงานต่อไป