หน้าเว็บ

03 ตุลาคม 2553

เทพสยบมาร 2

กรณีที่ตัวแสบนั้นเป็นลูกน้อง หรือผู้ที่ตำแหน่งน้อยกว่าเรา น่าจะเป็นเรื่องง่ายที่สุดที่จะจัดการ และหากเราไม่จัดการเขาก็จะยิ่งกำเริบเสิบสานยิ่งขึ้น และจริงๆ แล้วควรเป็นเป้าหมายที่เราต้องจัดการก่อนเป็นลำดับแรก ตามหลักการที่ว่าทำจากเล็กไปใหญ่ (เจ้าฝางชะล่าใจในไม่นานก็แตก)
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับกรณีนี้ก็คือ ทำไมเจ้าเปี๊ยกนั้นจึงกล้ากัดเรา ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่ามีสาเหตุมาจากอะไร สนใจแต่เพียงว่าเขากำลังมีพฤติกรรมที่เลวร้าย เราต้องจัดการเขาด้วยความรักความเมตตา ให้เขาได้สำนึก ได้รู้ตัวถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนั้น ปรับตัวปรับใจเสียใหม่ก่อนที่จะเขาถลำลึกลงไปในปรักแห่งความชั่ว ทำบุญทำกุศลนะ

เข้าไปหาเขา ไม่ใช่เรียกเขามาหาเรา แสดงความรักความเมตตาต่อเขา สื่อสารอย่างสันติ เข้าใจเขาก่อนที่จะให้เขาเข้าใจเรา เห็นอกเห็นใจเขา ค่อยๆ คุยไปเรื่อยๆ อาจหลายครั้ง เพื่อสร้างความไว้วางใจในความเที่ยงตรงเที่ยงธรรมของเรา ให้เขารู้ถึงความเป็นกันเอง ความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน และความแข่งแกร่งมีพลังของเราที่ยึดมั่นในหลักการขนาดเอาชีวิต หรือตำแหน่งการงานเข้าแรก ให้เขารู้ว่าเรายุติธรรม สนับสนุนทุกคนที่มีความรู้ความสามารถ และในขณะเดียวกัน เราก็จะเป็นมารหัวขนที่จะขัดขวางทุกวิถีทางต่อการแต่งตั้งคนไม่ดีไม่มีความ สามารถขึ้นดำรงตำแหน่งที่สำคัญ ดูซิเขาจะกล้าแลกกับเราไหม
ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องของการสะสมบารมีของเรามาก่อน หากเติบโตร่วมกันมาก็คงไม่มีปัญหา เขารู้เขาเข้าใจอยู่แล้ว เขาไม่กล้าหรอก แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เราดันเป็นคนใหม่ เป็นหัวหน้าใหม่ที่ใครๆ ก็อยากจะลองดีลองของ เพราะยังไม่รู้ถึงลักษณะเฉพาะตัวของเรา เราจึงต้องค่อยๆ แสดงให้เห็นตัวตนที่เที่ยงตรงเที่ยงธรรม ให้เห็นกำปั้นเหล็กภายใต้ถุงมือกำมะหยี่ (หลายๆ ชั้น) ของเรา
ไม่มีหรอกที่ลูกน้องจะมีพฤติกรรมแบบไม่ดีไม่งามเช่นนี้ หากพวกเขารู้อยู่แก่ใจว่าหัวหน้าที่ใจดี รักเมตตาทุกคน แต่... เอาจริงไม่เคยปล่อยปละละเว้นกับความไม่ถูกต้องหรือความอยุติธรรม ไม่เคยกลัวที่จะต้องตกงาน  พวกเขาจะมั่นใจในความยุติธรรมและการเอาจริงของหัวหน้า ทุกคนรู้ว่าหัวหน้าจะปกป้องเขา ต่อสู้ให้เขาอย่างจริงจังตามความถูกต้องและตามหลักการ ไม่อิงตามกระแสหรือเอาตัวรอดไปวันๆ สิ่งเหล่านี้เป็นการพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ผู้นำหรือหัวหน้าผู้นั้นมีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมของลูกน้อง  เขาจะอยากอยู่กับเรา เพราะเราเป็นที่พึ่งของเขา เขาจะได้แสดงความรู้ความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ และจะได้รับผลดีเสมอจากความรู้ความสามารถนั้น ไม่ต้องคอยเอาอกเอาใจเลียแข้งเลียขาเพื่อความก้าวหน้าในชีวิต
หลายคนเริ่มคิดว่าแล้วหัวหน้าคนนี้จะไปรอดได้นานเท่าไร
ถ้าคนส่วนใหญ่ขององค์กรเป็นพวกชิงดีชิงเด่น ไร้หลักการ ต่างมุ่งหวังประโยชน์ส่วนตน เล่นพรรคเล่นพวก แล้วหัวหน้าคนนี้จะทนต่อการโจมตีได้สักเท่าไร
คำตอบง่ายมา จะโจมตีเรื่องอะไร เมื่อไม่มีจุดอ่อนจุดด่างพร้อยให้โจมตี
โอ!!! กว่าจะถึงขั้นนี้ได้ ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ พฤติกรรมของเราที่เป็นไปเพื่อส่วนรวม เพื่อความถูกต้องยุติธรรม มีแต่หลักการ ไม่เคยใช้หลักกูหรือหลักของใครทั้งสิ้น ใครมันจะตีได้ และอีกประการหนึ่งคนดีจริงต้องรู้จักใช้พลังแห่งความดี ในองค์กรเรานั้นมีคนดีมากกว่าคนเลว เพียงแต่เขาไม่ได้แสดงตัวออกมา เพราะเขาอาจได้รับอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน แต่เขาคือพลังเงียบที่เป็นประโยชน์ต่อเรา เราจะต้องสร้างสัมพันธภาพกับพลังเงียบเหล่านี้อย่างแน่นแฟ้น คล้ายๆ ยุทธการป่าล้อมเมืองเนาะ
เมื่อพลังเงียบเป็นฝ่ายเรา พวกเขาย่อมไม่อยากเสียเราไปแน่ เพราะเราคือผู้ที่ทำให้พวกเขาอุ่นใจและมั่นใจว่าคนดีๆ ยังมีอยู่จริง ความถูกต้องดีงามต้องรักษาไว้ให้ได้ เขาย่อมสบายใจและมั่นคงในจิตใจที่จะใช้ความดี ความรู้ความสามารถที่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อการเจริญเติบโตต่อไป
วันนี้ขอจบไว้เพียงแค่นี้ก่อน โปรดติดตามตอนต่อไป!!!

ไม่มีความคิดเห็น: