ก่อนอื่น ถามตัวเองก่อนว่าที่เราไว้วางใจต่อใครสักคนนั้น เพราะคนๆ นั้นมีคุณสมบัติอย่างไร
หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่ทำให้เราไว้ใจคนผู้นั้นก็คือ การยอมรับผิดต่อการกระทำหรือพฤติกรรมของเขา
แต่ที่เราเห็นได้ทั่วๆ ไปในผู้คน ก็คือ การโยนหรือป้ายความผิดไปให้กับผู้อื่น หากหาผู้รับผิดไม่ได้ เทวดาฟ้าดินต้องรับไป เช่น ซวย ดวงไม่มดี เป็นต้น
แม้ว่าจะอ้างเหตุผลใดก็ตาม คนที่เขาคิดเป็นเขาก็จะรู้ว่านั่นไม่ใช่ แต่ทั้งๆ ที่ต่างก็รู้กันดี ก็ยังเผลอใจที่ทำเช่นนั้นอยู่ตลอด ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ไม่ทำได้ไหม ไม่ทำแล้วจะได้บางสิ่งบางอย่างที่ดีกว่ากันเยอะเลยขอยกคำอธิบายจากนักจิตวิทยาระดับโลกแล้วกัน ดังนี้
การยอมรับผิด แสดงให้เห็็นถึงความรับผิดชอบ และไม่ยึดติดกับศักดิ์ศรี
คุณสมบัติทั้งสองข้อนี้ จะช่วยดลใจให้ผู้อื่นภักดีต่อเราได้ (David J. Lieberman)การยอมรับผิดจึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเป็นเพียงปุถุชนคนหนึ่งของเรา ไม่ใช่เทวดานางฟ้าที่ไหน
ไม่มีใครอยากคบหากับเทวดานางฟ้าหรอก เพราะจะทำให้ตัวเองดูต่ำต้อย หากแต่ต้องการคบหาสมาคมกับผู้คนที่เห็นเรามีความสำคัญ เมื่อเรายอมรับผิด เราขอโทษ ก็แสดงให้เห็นว่าเราแคร์เขานะ จงยอมรับเมื่อทำผิด และให้เร็วเข้าไว้ เพราะการยอมรับผิด นอกจากจะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศแล้ว ยังช่วยส่งข่าวสารสำคัญเกี่ยวกับความรับผิดชอบออกไปด้วย
ในชั่วชีวิตของแต่ละคน ยากยิ่งที่จะไม่กระทำเรื่องโง่เขลาบางประการ
หากทุกผู้คนกระทำแต่เรื่องฉลาดปราดเปรื่อง ชีวิตไยมิใช่แปรเปลี่ยนเป็นยิ่งไร้รสชาติ ยิ่งไรความหมาย (โกวเล้ง - ลี้คิมฮวง)
ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีคนที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด กลับไปกล่าวโทษผู้อื่นในความผิดพลาดของตน
ก็มีคำอธิบายที่น่าฟังว่า
มิว่าผู้ใดต่างสมควรตำหนิตัวเองให้สำเร็จก่อนจึงตำหนิผู้อื่นได้
มิเช่นนั้น แสดงว่าคนผู้นั้น อย่างมากเป็นเพียงทารกใหญ่ที่ยังไม่รู้ความเท่านั้น (โกวเล้ง - ผู้ยิ่งใหญ๋)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น