หน้าเว็บ

24 เมษายน 2554

เก่งแล้วงานมากขึ้น?

ถ้าอยากให้งานเสร็จ ก็จงเอางานนั้นไปให้คนที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา เพราะคนเหล่านั้นไม่เคยหยุดนิ่ง แต่พวกเขาจะก้าวไปข้างหน้าเสมอ
(David J. Lieberman, Ph.D.: How to make anyone do what you want – กลวิธีสะกดคนให้ยอมทำตามได้ดั่งใจราวกับลูกไก่ในกำมือ พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ)


 
จั่วหัวแบบนี้ เพราะคำปรารภที่เผอิญไปได้ยินมาว่า “โคตรยุ่งเลยว่ะ เอะอะอะไรก็เรา งานเก่าก็ยุ่งจนโงหัวไม่ขึ้น ยังเอางานใหม่มาทับอีก ไอ้คนที่ว่างๆ ก็ไม่ให้มันทำ”
เรามาคิดใน 2 มุม มุมของคนที่รับงาน กับมุมของคนจ่ายงาน
คนจ่ายงานก็คงสรุปได้ตามคำคมข้างบนนั่นเอง แต่ว่าการจ่ายงานจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานไหม คนว่างๆ มีอยู่จะให้เขาทำอะไร พัฒนาเขา สอนเขา หรือไม่ก็จัดการเขามั่งหรือเปล่า โดยเฉพาะคนไม่มีผลงานที่ยังเก็บไว้นั้น ต้องถามตัวเองว่าเก็บไว้ทำไม แต่เดี๋ยวก่อน คนที่ประสิทธิผลต่ำเหล่านั้น เป็นเพราะเราเองปล่อยปละละเลยหรือเปล่า มีทักษะในการจัดการผู้คนพัฒนาคนหรือเปล่า หากไม่แล้ว จะเป็นว่าเราก็เป็นผู้บริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ และเราก็ควรถามตัวเองว่า เรายังอยู่รอดได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าทั่วทั้งองค์กรก็เป็นอย่างนี้แหละ น่าสงสารองค์กรนะ
จริงๆ แล้ว เราอาจไม่จำเป็นต้องจ่ายงานให้คนเก่งไปอย่างเบ็ดเสร็จหรอก ได้โอกาสพัฒนาคนเลยดีไหม ให้คนเก่งเป็นหัวหน้าทีม หรือที่ปรึกษาทีม แล้วให้เบอร์รองๆ ลงมาเป็นผู้ช่วย เป็นหัวหน้าทีมหรือรับผิดชอบแทนดีกว่า คนเก่งก็ไม่ต้องโอเวอร์โหลด และยังได้แสดงความเป็นคนสำคัญ เป็นพี่ใหญ่ ได้สอนได้แนะนำ ได้เป็นนับถือของทีม
แต่ที่นี้ถ้าเรากลับมาพิจารณาคนเก่งคนนี้ที่ได้รับงานอยู่เรื่อยๆ เขาก็ควรจะเก่งกว่านี้ด้วยการที่จะแสดงให้หัวหน้ารู้ว่าเขางานยุ่งอยู่แล้ว รู้จักบริหารเจ้านายบ้าง จะมัวบ่นอยู่ทำไม มีหนทางเยอะแยะที่จะทำให้เกิดผลดีทั้งต่อตัวเอง ต่อเพื่อนร่วมงาน และต่อหัวหน้างาน

ไม่มีความคิดเห็น: