หน้าเว็บ

19 มีนาคม 2554

จัดการกับคำวิพากษวิจารณ์ 2

เมื่อพิจารณาให้ลึกๆ ว่าทำไมเขาจึงมาแสดงความคิดเห็นแบบที่ว่าอันความคิดของเขานั้นสุดเจ๋ง ในขณะที่ของเราดูเหมือนสุดแสนจะงี่เง่า
แท้จริงแล้วเพราะปมด้อยของเขาหรือเปล่า เขารู้สึกว่าเขาขาดความสำคัญหรือเปล่า เขากำลังเรียกร้องโหยหาให้ใครสักคนสองคนยอมรับเขา ยกย่องเขา พื้นฐานจริงๆ คือ ทุกคนอยากเป็นคนสำคัญ อยากได้รับการยอมรับ อยากได้รับเกียรติ แต่...


คนที่มีดี มีผลงาน มีประสิทธิผลสูง พวกนี้เขาจะไม่ค่อยเรียกร้องหรือโหยหาเรื่องเหล่านี้หรอก เพราะเขามีผลงานของเขาออกมาแบบไม่ธรรมดาตลอด ในขณะที่คนไม่ค่อยจะมีอะไรดีสักเท่าไร มักจะเที่ยวควานหาการยอมรับจากคนอื่น
แต่ว่าเราล่ะ เป็นแบบไหน ยังเป็นประเภทเจ็บจี๊ดเลยหรือเปล่าที่คนอื่นมาวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของเราว่าไร้สาระ ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็เข้าข่ายไม่ค่อยจะมีอะไรภาคภูมิใจในตัวเองเหมือนกัน ถึงต้องปกป้องตนเองเอาไว้
เอาละ! อาจเจ็บจี๊ด ตอบโต้ไปบ้างแล้ว ตอนนี้อารมณ์เย็นลงแล้วใช่ไหม ปัญญากลับเข้าร่างแล้ว จะได้มาพิจารณาเอาความรักความเมตตาเข้ามาพัฒนาปรับปรุงคนที่วิพากษ์วิจารณ์เรานี้ ให้เขาได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยที่เขาไม่เสียหน้า และจะกลายเป็นสหายสนิทกับเราต่อไป (มีความรักความเมตตาเป็นที่ตั้งนะ จะไม่เกลียดใครหลอก ไม่มีข้อยกเว้น)
การจัดการกับคนเหล่านี้ (ความจริงแล้วก็ทุกเรื่องแหละ) จำเป็นต้องใช้ปัญญา ซึ่งปัญญากับอารมณ์มักจะไม่มาพร้อมกัน ฉะนั้นเริ่มแรกเห็นต้องฝึกสติเสียก่อนละมั้ง จะได้รู้ตัวรู้ตนว่ากำลังจี๊ดขึ้นแล้วนะ
การจัดการกับคนพวกนี้ จำเป็นต้องตีลูกมึน ไม่รู้ไม่เรื่อง ไม่รู้สึกรู้สาว่าเขาทำให้เสียหน้า แต่กลับกลายเป็นชื่นชมกับความคิดเขาสักหน่อยเป็นไร แล้วก็พูดทำนองว่าเราเข้าใจนะว่าเขาชอบแบบเขา เรายอมรับความแตกต่างนี้ ในขณะเดียวกันเราก็ยังชื่นชมเขาด้วยที่เขาก็ยอมรับว่าคนอื่นอาจจะชอบไม่เหมือนเขา ดูซิว่าเขารู้สึกตัวหรือยัง ปกติเมื่อเรายกย่องว่าเขาเป็นคนที่ยอมรับความแตกต่าง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นด้านบวก เขาจะภาคภูมิใจ และเขาจะพยายามรักษาคุณสมบัตินั้นต่อไป
อย่างนี้ เห็นจะพูดกันรู้เรื่องแล้วกระมัง!
แต่... บางคนอาจไม่สามารถใช้ไม้นี้ได้ ก็ไม่เห็นเป็นไร อาจเป็นเพราะอินทรีย์ยังไม่แก่กล้าพอ ก็ลองฝึกกันต่อไปเรื่อยๆ หากไม่ได้ผล ก็เอาไว้พูดทีหลังตอนที่เขาอารมณ์ดีๆ และได้พูดอะไรต่อมิอะไรมาจนเหนื่อยแล้ว เราก็ไปพัฒนาเขาให้เขาเป็นคนที่ยอมรับความแตกต่างระหว่างคน และให้เกียรติในความแตกต่างนั้น
เห็นไหมว่า นี่เป็นการช่วยเหลือเขานะครับ หลายคนผมเคยแนะนำไป เขาย้อนกลับมาว่า จะไปพัฒนามันทำไม เมื่อมันทำให้เราเจ็บใจอย่างนี้ ก็ปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นไปตลอดชาติก็แล้วกัน แล้วมันก็จะหาความเจริญมิได้ นี่ไง ความรักความเมตตายังแน่นหนาพอ ช่วยเขาเถอะครับ เขาอาจไม่เคยได้รับการสอนสั่งมาจากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ทำบุญทำกุศลเถอะครับ นะนะ...

ไม่มีความคิดเห็น: