หน้าเว็บ

31 กรกฎาคม 2554

แสงเจิดจ้าทำให้ตาพร่ามัว

ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดและเจริญเติบโต ต่างรู้ตัวว่าต้องเปลี่ยนแปลง แต่เพราะอดีตที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว สิ่งที่เคยฝ่าฟันมา ประสบการณ์ที่สร้างสมมากว่าจะสำเร็จถึงขั้นนี้ มันกลายเป็นแสงอันเจิจ้าในใจ จนทำให้ตาพร่ามัว ยังคิดว่าตนเองเป็นที่ยอมรับและต้องการของสังคมหรือองค์กรต่อไป

ครั้นเมื่อเห็นภัยที่ต้องเปลี่ยนแปลงปรับตัวเพื่อรับสิ่งใหม่ แต่ว่าสิ่งใหม่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำได้ดี เราเพียงทำสิ่งที่เคยทำได้ดีในอดีต หากเปลี่ยนแปลงแล้วต้องทำในสิ่งใหม่นั้น เราช่างไม่มีความรู้ความชำนาญเอาซะเลย สุดท้ายก็จะปลอบใจตัวเองว่า ไม่เป็นไรหรอก เป็นไปไม่ได้ ไม่กระทบต่อเราหรอก แล้วเราก็ยังคงทำสิ่งเก่าที่เคยทำได้ดีต่อไป
เจอหนังสือ “ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง” (It Starts with One) ว่าไว้อย่างนั้น
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ เพราะเคยประสบความสำเร็จมาแล้ว ทำไมจะต้องเหนื่อยอีก พอแล้ว ก็กลายเป็นผู้ตั้งแค้มป์ตามที่ Dr. Paul Stoltz ว่าไว้ใน Adversity Quotient (ความสามารถในการฝ่าฟันอุปสรรค) ยังไม่ใช่นักปีนเขา ที่เกิดความท้าทายว่าข้างบนมีอะไร
ในทางชีวภาพนั้น มนุษย์ถูกสร้างมาให้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ต่างไม่อยากเปลี่ยน
ไม่ใช่เพราะเราไม่รู้ว่ามีกำแพงอยู่ แต่เพราะ เราประเมินความแข็งแกร่งของมันต่ำไป และยังไม่ยอมทำความเข้าธรรมชาติของมันให้ถ่องแท้ คนเราเพิกเฉยต่อความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง เพราะถูกแสงสว่างจ้า (จากอดีตอันยิ่งใหญ่) จนตาพร่ามัว
แม้รู้ตัว แต่สิ่งใหม่นั้น เราไม่ชำนาญ เราทำได้ดีในสิ่งเก่า ทำให้เรากลับไปทำสิ่งเก่าที่เรารู้ดีอยู้แล้ว มากขึ้น
สิ่งที่ขัดแย้งกับของเดิม จะถูกมองว่าผิด และเป็นไปไม่ได้
เราไม่เพียงแต่ยึดติดกับแผนที่ในอดีตเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มที่จะวางแผนที่ของเราไว้ตรงกลางจักรวาล เรามักวางตัวเองไว้ตรงกลางของแผนที่ และเมื่อยิ่งใช้แผนที่นี้นานเข้า เขาก็จะคิอว่ามีแผนที่เพียงอันเดียว
เรามักจะให้ความสำคัญ และมุ่งสนใจแต่สิ่งที่สอดคล้องกับมุมมองของเรา และลดความสำคัญ/เพิกเฉย ต่อสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับแผนที่โลกของเรา เรามักทำสิ่งที่เรารู้ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และทำให้สิ่งที่เราไม่รู้ มีขนาดเล็กลง
เมื่อเราเชื่อว่าเรารู้ทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว สิ่งที่เราไม่รู้จะกลายเป็นสิ่งไม่สำคัญ และที่สำคัญ เรามักปฏิเสธ และยังปลอบใจตัวเอง เรามักจะให้ความสำคัญ และมุ่งสนใจแต่สิ่งที่สอดคล้องกับมุมมองของเรา และลดความสำคัญ/เพิกเฉย ต่อสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับแผนที่โลกของเรา เรามักทำขยายสิ่งที่เรารู้ให้ใหญ่ขึ้น และย่อสิ่งที่เราไม่รู้ ให้มีขนาดเล็กลง
เมื่อเราเชื่อว่าเรารู้ทุกสิ่งหมดแล้ว สิ่งที่เราไม่รู้จะกลายเป็นสิ่งไม่สำคัญ เรามักปฏิเสธ และปลอบใจตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น: