หน้าเว็บ

25 ตุลาคม 2554

หนีน้ำท่วม!!! คือการฝึกจิต


น้ำท่วมครั้งนี้หนักหนาสาหัสนัก แต่ก็เป็นกรณีศึกษาที่ดีต่อการฝึกจิต หรือพิจารณาตนเอง เนื่องจากมีเวลาเหลือเฟือที่จะได้คิดพิจารณาในสิ่งต่างๆ ก็ไปทำงานไม่ได้นี่ หรือไม่ก็เพราะต้องเฝ้าระวังระดับน้ำด้วยใจจดจ่อและน่าเบื่อ
แปลกไหม ตอนที่ยังมีลุ้นก็ลุ้นกันอยู่นั่นแหละ ลุ้นเข้าข้างตัวเองว่าจะรอดหายนะ แล้วก็เครียดตลอดเวลา แต่พอเอาไม่ไหวแล้วสู้ไม่ไหวแล้ว รู้สึกไหมว่ามันโล่งเลย
 
เราล้วนทราบว่าเมื่อได้พยายามอย่างชาญฉลาดหรือตามกำลังสติปัญญาและทรัพยากรที่มีอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ก็ควรปลงใจ ทำใจ น้ำท่วมครั้งนี้ก็ได้พิสูจน์ทันทีว่าเราได้มีหลักการตามที่ว่านั้นหรือไม่ ปฏิบัติได้ตามหลักการที่ยึดถือหรือไม่ หรือเพียงว่าปากอย่างแต่พฤติกรรมกลับเป็นอีกอย่าง หรือแม้แต่ว่ากระบวนการคิดของเราที่เราทราบว่าคิดแบบ Toward (เน้นในสิ่งที่ต้องการมากกว่าสิ่งที่ไม่ต้องการ) ดีกว่าคิดแบบ Away From (เน้นในสิ่งที่ไม่ต้องการหรืออยากจะหลีกเลี่ยง มากกว่าสิ่งที่ต้องการ) ก็จะได้พิสูจน์ว่าเมื่อต้องพบความเสียหาย ความสูญเสียจากภาวะน้ำท่วมแล้ว คิดอะไร
รวมทั้งการยอมรับสภาพความเป็นจริงแห่งชีวิต เราเป็นแบบที่ว่ายังโหยหาอยู่กับคำว่า “ไม่น่าเลย...”, “ถ้าเรา...” ฯลฯ ซึ่งมีแต่บั่นทอนกำลังใจ บั่นทอนสุขภาพร่างกาย กลายเป็นคนขี้บ่นน่ารำคาญ หรือเป็นแบบที่ว่า เมื่อน้ำลดแล้วเราจะต้องทำอะไรบ้าง ลำดับก่อนหลังคืออะไร
อีกอย่างก็คือ เครียดไหม? กับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าจะได้อพยพหนีตายออกมาได้ ก็น่าจะสบายใจแล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าทำเอากินไม่ได้นอนไม่หลับ หน้าตาหมองเศร้า นำความทดท้อแผ่กระจายไปสู่คนข้างเคียง ไปทางไหนก็นำพารังสีรันทดกระจายไปทั่ว ใครเข้าใกล้ก็พลอยหมดพลังไปด้วย
น่าสนใจนะ!!!  ไม่พูดมากดีกว่า เราล้วนเป็นปัญญาชน
เหล็กเป็นสนิมเพราะไม่ได้ใช้ น้ำสูญเสียความบริสุทธิ์เพราะอยู่นิ่ง น้ำจะแข็งตัวในฤดูหนาว เฉกเช่นเดียวกับความคิดที่จะถูกจัดการด้วยความเซื่องซึม (Leonardo da Vinci)

ไม่มีความคิดเห็น: