นึงถึงมะพร้าวนาฬิเกร์ในสวนโมกข์ที่ท่านพุทธทาสทำไว้ – มะพร้าวเอ๋ย มะพร้าวนาฬิเกร์ ต้นเดียวโนเน กลางทะเลขี้ผึ้ง ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง อยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง ถึงแต่ผู้พ้นบุญเอย

อย่าได้เปรียบเทียบกับผู้อื่นเลย คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเขา แต่เราคือตัวเราที่หนักแน่นดังขุนเขา จัดการตนเองได้ดีแล้วจะเกิดพลังอำนาจขึ้นมาเองที่สามารถคานอำนาจอันมิชอบได้ บางคนไม่สามารถดีได้เพราะคนอื่นไม่ดี เรียกว่าเลวตามเขาไป บางคนไม่ดีเพราะมัวแต่โยนความผิดให้สิ่งอื่น... “เมื่อใดที่คุณโทษความอ่อนด้อยของคนอื่นว่าเป็นต้นเหตุให้คุณมีปัญหาทาง อารมณ์ ก็เท่ากับคุณมอบเสรีภาพทางอารมณ์ของคุณให้คนผู้นั้นไปแล้ว และอนุญาตให้เขาทำให้ชีวิตคุณปั่นป่วนต่อไปเรื่อยๆ นี่แหละคือ การที่อดีตของเรายึดอนาคตเอาไว้เป็นตัวประกัน (The 8th Habit: Stephen R. Covey)” ซึ่งก็เหมือนกับ “แทนที่จะสาปแช่งความมืด มิสู้จุดเทียนให้สว่างจะดีกว่า”
สรุปง่ายๆ ก่อนว่า การผจญมารนั้น สิ่งที่ต้องคิดเป็นอันดับแรกๆ ให้เป็นกรอบความคิดของเราก็คือ... อย่ายอมเป็นเหยื่อ เพราะ “การเห็นว่าตนเองเป็นผู้รับเคราะห์ (เหยื่อ) ย่อมเท่ากับยอมทิ้งอนาคตของตนไป (The 8th Habit: Stephen R. Covey)” เมื่อไม่ยอมเป็นเหยื่อแล้วต้องใช้ปัญญาเข้าต่อกร แต่ก่อนที่จะต่อกรก็ต้องจัดการตัวเองให้มีพลังอำนาจแห่งความดีก่อน อย่าท้อถอย ให้คิดว่ามารจะเป็นตัวช่วยเสริมสร้างอินทรีย์บารมีแก่เรา ยิ่งผจญมารมากเรายิ่งแข็งแกร่ง ดังที่จังซีเหากล่าวไว้ใน “จุดไฟปัญญาให้โชติช่วง” ว่า “ปะการังที่อยู่ในแนวหิน เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการท้าทายเลย จึงอ่อนแอและไม่โต แต่ปะการังที่อยู่นอกแนวหิน ต้องต่อสู้กับการจู่โจมของคลื่นทะเลทุกวี่วัน จึงเข้มแข็งและเติบใหญ่” หรือที่ท่านพุทธทาสกล่าวไว้ในหัวข้อ “มีมาร – ไม่มีมาร” ว่า...
มารไม่มี บารมี ยิ่งไม่แก่
จะมีแต่ ถดถอย หมดความหมาย
ไม่มีพลัง สร้างวิบาก ให้มากมาย
หรือสอบไล่ ให้เรา เข้าใจตัว ฯ
มารยิ่งมี บารมี ยิ่งแก่กล้า
ยิ่งรุดหน้า สามารถ ในธรรมทั่ว
สร้างวิบาก ได้มากมาย ไม่เนียนัว
ให้ดอกบัว เบ่งบาน สะท้านสะเทือน ฯ
แล้วประหัตประหาร มารร้าย ให้ตายเตียน
ได้แนบเนียน ไม่มี อะไรเหมือน
เมื่อมีมาร ก็เหมือนมาร มาตักเตือน
ให้พบเงื่อน งำกล้า ฆ่ามารเอง ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น